มองเห็นความเป็นไปได้ ก็เห็นอนาคต

“นักเรียนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการตัดสินใจเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ทั้งที่ปกตินักเรียนที่โรงเรียนนี้ ถ้ามี 50 คน จะเข้าเรียนต่อชั้น ม. 4 แค่ประมาณ 10 คน”

เรื่องเล่าจากศิษย์เก่า ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ รุ่นที่ 1 แข - ภรปภัช พิศาลเตชะกุล ทำให้เราอยากรู้ว่า โครงการที่แขทำคืออะไรและมีผลกระทบเชิงบวกกับนักเรียนมากขนาดนั้นได้อย่างไร ตอนที่เป็นครูผู้นำ ฯ แขสอนที่โรงเรียนวัดสังฆราชา เธอกับเพื่อน ๆ อีก 5 คน ได้จัดโครงการ Learners to Leaders พานักเรียนในความดูแล 25 คน ไปทัศนศึกษาที่สิงคโปร์

     “เป้าหมายอย่างหนึ่งของเรา คือ ให้นักเรียนได้สัมผัสถึงความเป็นไปได้ หรือ Sense of Possibility ว่ามันมีโอกาสมากมายอยู่ข้างนอกนั้น และอีกเรื่องคือ ทักษะความเป็นผู้นำ  สำหรับแขเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ก็มีจุดประสงค์ให้นักเรียนได้ฝึกภาษาอังกฤษด้วย” แขเล่า

     “มีนักเรียนคนหนึ่งที่มักจะเข้ามาคลุกคลีกับเราประจำ ช่วงที่เตรียมโครงการ เขาก็ชอบมาที่โต๊ะ มาดูว่าเราจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักอะไรยังไง ปรากฏว่าพอนักเรียนคนนี้เรียนจบ เขาได้เข้าไปทำบริษัททัวร์ และได้ขึ้นเป็นผู้จัดการตั้งแต่อายุ 23 เพราะเขาได้รับแรงบันดาลใจจากเรา และเขาก็ตั้งเป้าหมายอยากพาพ่อแม่ไปสิงคโปร์ด้วย”

     โครงการ Learners to Leaders จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22-25 ตุลาคม 2561 โดยพานักเรียนชั้น ม. 1 และ ม. 2 ในโรงเรียนของแข กานตี้ เม ใหม่ และทิปเปอร์  ไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของประเทศสิงคโปร์  ซึ่งมีจุดเริ่มต้นไอเดียมาจากกานตี้ เคทธิยา ฉวัฒนะกุล เพื่อนครูผู้นำ ฯ ซึ่งสอนวิทยาศาสตร์ อยากพานักเรียนไปชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในต่างประเทศ ครูผู้นำ 5 คนจึงร่วมมือกันระดมทุน เพื่อทำให้โครงการนี้เป็นจริงให้ได้

     “โรงเรียนของเราอยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ไม่มีเด็กคนไหนเคยนั่งเครื่องบินเลย” แขแบ่งปัน “มีเด็กมาถามแขว่า ครู แล้วถ้าหาเงินได้ไม่พอจะต้องยกเลิกมั้ย แขตอบนักเรียนไปว่า มันต้องพอ ต้องได้เท่านั้น”

     เมื่อมีเป้าหมายที่จะทำโครงการ ทั้ง 5 คน ก็แบ่งหน้าที่กัน ทั้งการจัดกิจกรรม เอกสาร การเดินทาง และเรื่องที่ท้าทายที่สุด คือการระดมทุน

     “เราจัดคอนเสิร์ตระดมทุน แล้วก็ไปร้องเพลงเปิดหมวกที่จตุจักร มีการให้นักเรียนไปขายวุ้น ขายกระเป๋าผ้า เรียกว่าทางไหนทำได้ก็ทำทุกทาง” แขนึกย้อน “ทางทีมของ ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ก็ได้แนะนำคนที่ขอทุนสนับสนุนได้ ในวินาทีสุดท้าย คุณวิเชียร พงศธร จากมูลนิธิยุวพัฒน์ ได้ให้ทุนสนับสนุนในส่วนที่ขาดไป จนได้เงินครบพอดี”

     สำหรับนักเรียนบางคน ทริปนี้อาจเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ไปสิงคโปร์ 

     “มันเหมือนเราจะพามนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ ตอนที่บอกว่าจะมีโครงการพานักเรียนไปต่างประเทศ นักเรียนในโรงเรียนตื่นเต้นกันมาก เหมือนมันเป็นการสร้างความรู้สึกถึงความเป็นไปได้ให้คนอื่นๆด้วย”

     ทริปนี้อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ การไปดูระบบจัดการน้ำ ไปดูที่พักอาศัยที่รัฐบาลจัดให้แก่ประชาชน  และที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้อย่างอื่น คือ การได้เข้าไปดูสำนักงาน Google ที่ประเทศสิงคโปร์

     “เด็ก ๆ ทุกคนตื่นเต้นมาก และยังได้มีช่วงถามคำถามกับพี่ฝน คนไทยที่ทำงานอยู่ที่นั่น ซึ่งพี่ฝนก็ได้แบ่งปันทัศนคติเกี่ยวกับความสำเร็จ ทั้งจากทักษะ ความสนใจ ความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นทักษะศตวรรษที่ 21” แขบอก

     การวัดผลกิจกรรม คือ หลังจากกลับมา นักเรียนต้องทำโครงการอะไรก็ได้ในโรงเรียน

     “นักเรียนหลายคนนำกิจกรรมที่เราชวนเขาทำไปทำต่อให้กับนักเรียนคนอื่น ๆ” แขแบ่งปัน “เรายังมีการนัดคุยกับผู้ร่วมบริจาค  ให้นักเรียนแชร์ประสบการณ์ ความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองของสิงคโปร์ เช่น เรื่องการจัดการขยะที่ดี ทำไมประเทศไทยทำแบบนี้ไม่ได้บ้าง”

     “นักเรียนที่ร่วมโครงการหลายคนจบปริญญาตรี และมีนักเรียนคนหนึ่งไปเรียนต่อครูแล้วกำลังจะมาฝึกสอนที่โรงเรียนวัดสังฆราชาด้วย”

     สำหรับแขเอง สิ่งที่ได้รับจากทริปนี้ คือการมองเห็นความเป็นไปได้เช่นเดียวกับที่นักเรียนได้เห็น

     “เหมือนเราทำสิ่งที่คนอื่นบอกว่าเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้น เพราะรู้ว่ามันทำได้จริง ๆ” แขบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ระหว่างทริป เราต้องรับหน้าที่เป็นกระบวนกร (Facilitator) ทำให้เราได้ทักษะนี้ และรู้ว่าตัวเองสนใจอาชีพด้านนี้ ปัจจุบันก็เป็นกระบวนกรฟรีแลนซ์ด้วย”

     ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ เราให้แขฝากอะไรบางอย่างถึง ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ที่กำลังจะครบรอบ 10 ปี แขได้ฝากถึงครูผู้นำ ฯ รุ่นต่อไป และคนที่กำลังอยากสมัครเป็นครูผู้นำ ฯ

     “การเข้ามาที่นี่เป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาตัวเอง แล้วยังได้เจอกลุ่มเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนที่สนิทกันแม้จะจบโครงการไปแล้ว สำหรับครูผู้นำ ฯ รุ่นปัจจุบัน แขก็อยากฝากว่าให้ลองทำอะไรที่ออกนอก Comfort Zone ของตัวเองบ้าง มันจะทำให้เรารู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง”

     “ในส่วนของคนที่กำลังลังเล อยากสมัครเข้าร่วมโครงการ แขก็อยากจะบอกว่า ตอนที่แขอยู่รุ่นที่ 1 มันเหมือนมีรถไฟขบวนนึงมาจอดหน้าบ้าน แล้วไม่มีใครบอกว่ารถไฟขบวนนี้จะไปที่ไหน เพราะยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน เป็นความกล้าของเขาล้วน ๆ ที่จะกระโดดขึ้นรถไฟขบวนนั้น แต่ตอนนี้ผ่านมาสิบปีแล้ว มีหลักฐาน มีบทพิสูจน์ถึงความสำเร็จ ก็อยากให้คว้าโอกาสนี้ไว้” แขทิ้งท้าย