“เชื่อ” เพื่อพาก้าวไปข้างหน้า

“แม่เชื่อในตัวลูกนะ” คือคำที่ดิว ธิดามาส เต็มสาร ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 2 บอกกับลีโอในวันที่เขาไม่กล้าจับไมค์ขึ้นพูดบนเวที ประโยคสั้น ๆ นั้น ทำให้ลีโอ เดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งประธานนักเรียน และกล้าพูดต่อหน้าที่สาธารณะในที่สุด

นิว ทัตติ เจ๊ะมะสุขเกษม และ ลีโอ ธีรพันธ์ ทศสำราญ ได้พบกับครูดิวตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนวัดสามง่าม และประทับใจในความเข้าใจและเข้าถึงนักเรียนของครูดิว วันนี้ ทั้งสองได้ก้าวไปในจุดสำคัญของชีวิต คือการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย และหนึ่งในนั้นเลือกที่จะเรียนต่อด้านครูด้วย

     “ผมมีความฝันในวัยเด็กว่า ถ้ามีความรู้ก็อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น” ลีโอเล่า “และอีกอย่างคือผมประทับใจในตัวครูดิว ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้กล้าทำสิ่งต่าง ๆ  แม้พลาดก็ไม่เป็นไร เพราะครูดิวมักจะบอกว่าให้ทำครั้งหน้าให้ดีกว่าเดิม”

     นิวแบ่งปันความประทับใจต่อครูดิวว่า

     “ผมชอบวิธีการสอนของครูดิว ผมเป็นคนหัวช้า ตามเพื่อนไม่ค่อยทัน โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ ครูดิวก็จะค่อย ๆ สอน ให้ตามทัน และอีกอย่างคือครูดิวอายุไม่ห่างกันมาก สามารถพูดคุยกันได้ง่าย เมื่อก่อนผมเป็นคนขี้อาย พอครูดิวเข้ามาก็สามารถพูดคุยได้มากขึ้น กล้ามากขึ้น”

     ลีโอยังได้แบ่งปันอีกว่า

     “ครูดิวคอยให้คำแนะนำดี ๆ และผลักดันเสมอ อย่างตอนช่วง ม. 3 มีการเลือกประธานนักเรียน ผมไม่เคยพูดบนเวที พอจับไมค์มือก็สั่น ครูดิวเลยบอกว่า ‘แม่เชื่อในตัวลูกนะ’ หลังจากนั้นผมก็รู้สึกอยากทำ และกล้าทำมันมากขึ้น”

     ในส่วนของกิจกรรมนอกห้องเรียน ครูดิวก็ได้สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ผ่านการชวนไปเล่นกีฬาตอนเย็น ชวนไปติวหนังสือ และเล่นซูโดคุ

     “ครูดิวจะมีกลุ่มเล่นซูโดคุ ตอนแรกผมไม่กล้าไป แต่ครูดิวก็คอยกระตุ้น บอกให้ออกไปเจอโลกภายนอก” นิวเล่า “แล้วก็มีกลุ่มเล่นเกม 24 ครูก็ชวนผมมาเล่น พอเล่นกับเพื่อน ลีโอเล่นได้มาก ครูดิวก็บอกว่า ธติทำได้ พอนั่งอยู่ครึ่งชั่วโมง เจอข้อหนึ่งง่ายผมก็ตอบได้ ทุกคนก็เฮกันลั่นเลย” ดวงตาของนิวเป็นประกายเมื่อนึกย้อนความหลัง

     ช่วงเวลาที่น่าจดจำสำหรับทั้งสอง คือการได้ทำอะไรด้วยกัน เรียน เล่น พูดคุยปรึกษาปัญหา ทั้งเรื่องเพื่อน และครอบครัว

     “บางครั้งผมมีปัญหา ไม่รู้จะไปบอกใคร ครูดิวก็เหมือนเป็น Safe Zone ให้ บางทีมีเรื่องงานอดิเรก มีสิ่งที่พบเจอในวันนั้นก็ไปเล่าให้ครูฟัง เหมือนมีครู แต่ว่าก็มีเพื่อนคนหนึ่งด้วย” นิวเล่า

     “ครูดิวเป็นคนที่เข้าถึงเด็ก ๆ คอยฟังเด็กตลอด ด้วยความอายุใกล้กันเลยพูดคุยง่าย และไปเยี่ยมบ้านนักเรียน มาปรึกษากับแม่ผมบ่อย ๆ ชอบแลกเปลี่ยนความคิดกับเด็ก  แล้วถ้ามีอะไรอยากรู้ตรงไหนก็ถามครูดิวได้ ไม่กั๊กความรู้เลย” ลีโอเล่า

     เมื่อถามทั้งสองตอนท้ายว่า ถ้าไม่ได้เจอครูดิว คิดว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ลีโอตอบว่า

     “ผมอาจจะไม่เลือกเรียนครู เพราะตอนนั้นมีตัวเลือกว่าจะเรียนครูหรือวิศวะ ตอนที่เลือก ครูดิวก็แนะนำว่าเป็นครูก็ดี ก็เลยทำตามความฝันที่อยากจะเป็นครู”

     ส่วนนิวตอบว่า

     “ผมอาจจะมองอะไรหลายอย่างไม่เหมือนปัจจุบัน มองโลกในแง่ร้าย มองว่าหลายอย่างไม่เป็นใจ และไม่สนุกกับการเรียนแบบทุกวันนี้”

     เมื่อใกล้จะจบการสัมภาษณ์ ทั้งสองฝากบางอย่างถึงครูดิวไว้ นิวทิ้งท้ายว่า

     “ผ่านมาจะเก้าปีแล้ว ไม่ได้เจอกันเลย คิดถึงครูดิวมาก ๆ ผมก็พยายามที่จะตั้งใจทำตามความฝันตัวเองให้ได้ พยายามจะเป็นความภูมิใจของครูดิวนะครับ อยากจะบอกครูดิวว่าผมคิดถึงและรักครูดิวมากครับ”

     ส่วนลีโอบอกว่า

     “ผมคิดถึงครูมากเลยครับ อยากเจอครูมากเลย เพราะตั้งแต่เขาไปผมก็ไม่ได้เจอเลย จำได้ว่าวันสุดท้ายที่เรียนที่นี่ ครูเขากอดผมเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย อยากจะบอกว่าผมก็เรียนครูสำเร็จแล้วนะครับ ผมไปในทิศทางที่เป็นครูได้แล้วนะครับ”