เปลี่ยนความตั้งใจให้กลายเป็นเรื่องจริง

“ถ้าไม่ได้ครูเปา อัมพรคงไม่ได้เรียนต่อ”

เสียงจากคุณนาป๋า ไอ่ลี แม่ของอัมพร นักเรียนคนหนึ่งที่เรียนกับ เปา นพดล บุตรสาธร ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 5 สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่ขยายออกไปจากนอกห้องเรียน และเปลี่ยนแปลงชีวิตนักเรียนได้ อัมพรได้เจอกับครูเปาที่โรงเรียนแม่วินสามัคคี อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เปาได้เข้าไปสอนในฐานะครูผู้นำ ฯ และได้สนิทกับครอบครัวของอัมพรรวมทั้งนักเรียนคนอื่นๆ

     “อัมพรเจอครูเปาที่แม่วางตอนอยู่ ม.3” แม่ของอัมพรเล่า “ตอนแรกแม่ไม่มีเงินส่งให้น้องเรียน เพราะทำอาชีพรับจ้างทั่วไป อัมพรก็เลยร้องไห้ไปหาครูเปา”

     “ตอนเจอครูเปาวันแรก หนูยังไม่กล้าไปพูดคุย เพราะเขาบอกกันว่าครูจาก ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ดุมาก” อัมพรนึกย้อนกลับไปตอนเจอกันครั้งแรก “แต่หลังจากนั้น หนูมีเรื่องต้องปรึกษาครูเปา เลยตัดสินใจเข้าไปพบ”

     แม่ของอัมพรต้องการให้ลูกได้เรียนต่อ และอยากให้ได้ทำงานสบายไม่ต้องอยู่กลางแจ้ง เพราะอัมพรมีปัญหาสุขภาพจากการทำงานใช้แรง หากต้องทำงานนี้ต่ออาจจะส่งผลเสียในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของอัมพรไม่มีทุนทรัพย์มากพอในขณะนั้น  เปาจึงระดมทุนเพื่อให้อัมพรได้เรียนต่อในระดับ ปวช.

     “ตอนนั้นแม่ไม่รู้จะทำยังไง แต่หลังจากนั้นครูเปาก็มา บอกว่า แม่ อัมพรได้ทุนเรียนแล้วนะ ไม่ต้องห่วงแล้ว ก็เลยดีใจมากเลย รู้สึกว่าลูกได้เรียนอย่างที่ต้องการ”

     ปัจจุบัน อัมพรเรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีหมู่บ้านครูภาคเหนือ จังหวัดลำพูน ในสาขาบัญชี ตามที่ตั้งใจไว้

     “แม่อยากให้อัมพรทำงานธนาคาร จะได้ไม่ต้องตากแดดตากลม” 

     อีกคนหนึ่งที่ได้ใกล้ชิดกับเปา คือ ตะวัน ปัจจุบันเข้ารับราชการเป็นช่างภาพของกองทัพ ที่กองกิจการพลเรือน กองทัพเรือสัตหีบ  เขานำทักษะการถ่ายภาพที่ได้รับจากเปามาต่อยอดอาชีพของตนเอง  เพราะได้แรงบันดาลใจจากชมรมถ่ายภาพของเปา

     “ตอนแรกที่ครูเปามาเยี่ยม เขาเป็นคนอัธยาศัยดี ยิ้มดี อู้กำเมืองด้วย” คุณอัมรี อาของตะวันเล่าย้อนกลับไปถึงวันที่เจอเปาครั้งแรก 

     “อาขอให้ครูเปาช่วยสอนตะวัน เพราะตะวันเป็นเด็กชัยภูมิ มาเรียนหนังสือที่เชียงใหม่”

     “หลังจากได้เจอครูเปา ตะวันดีขึ้นทุกอย่างเลย ทั้งด้านการเรียน กิจกรรม ครูเปาพาไปแข่งที่ไหนก็สนใจ”

     เปากับตะวันเริ่มมีสนิทกันกันจากการเล่นเกม Arena of Valor (RoV) ด้วยกัน ภายหลัง ตะวันยังได้ลงแข่งเกม RoV ในโรงเรียนด้วย

     “ผมรู้สึกดีที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้แข่ง ROV ในโรงเรียน แล้วชนะด้วย” ตะวันเล่าด้วยรอยยิ้ม 

     “ตอนตะวันอยู่ชัยภูมิ เขาหนีเรียน แล้วประกาศลงเฟซบุ๊กหาญาติที่อยู่ทางเชียงใหม่ เขาก็เลยมาหาอา แล้วมาอยู่ด้วย” อาของตะวันนึกย้อนกลับไป “พอมาอยู่เชียงใหม่ก็เป็นเด็กดีขึ้น”

     นอกเหนือจากกิจกรรมในโรงเรียนแล้ว เปาและตะวันยังได้ทำกิจกรรมหลายอย่างในเวลาว่าง

     “อยู่บ้านเสาร์อาทิตย์ ตะวันก็ไปดูแมวให้คุณครู” อาของตะวันเล่า “การเรียนก็ดีขึ้น นิสัยก็ดีขึ้น มีแต่คนดี ๆ คอยช่วยสอน”

     “ถ้าไม่มีครูเปา ตะวันก็คงว้าเหว่ พอมีครูเปา ช่วงว่างเสาร์ อาทิตย์ เหมือนเขามีที่พึ่ง” อาของตะวันทิ้งท้าย

     นักเรียนทุกคนมีความตั้งใจและมีแสงสว่างในตัวเอง ขอเพียงมีแรงผลักที่ถูกเวลา เขาก็พร้อมจะไปข้างหน้าได้ไกลกว่าที่เคยคิดไว้  เรื่องราวของเปาเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เห็นว่า ความเป็นไปได้มีอยู่ในทุกที่ แม้ที่แห่งนั้นจะขาดแคลนแค่ไหน สิ่งที่เปาทำ เป็นอีกความเปลี่ยนแปลงสำคัญในชีวิตของนักเรียน เพื่อที่วันหนึ่งนักเรียนเหล่านั้นจะสามารถกำหนดอนาคตของตนเอง และสร้างสังคมที่เป็นธรรมต่อตัวเองและผู้อื่นได้