เรื่องเล่าจากศิษย์เก่า
December 4, 2024

จาก “ครู” สู่ “พ่อ” บทบาทที่เติมเต็มการเติบโตของลูก

5 ธันวาคม ของทุกปีเป็น “วันพ่อแห่งชาติ” ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นวันที่เฉลิมฉลองบทบาทของ “พ่อ” และความสำคัญของ “ครอบครัว” ที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนพัฒนาเยาวชนและสังคมไทย

จาก “ครู” สู่ “พ่อ” บทบาทที่เติมเต็มการเติบโตของลูก

เนื่องใน “วันพ่อ” ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ พาทุกคนไปรู้จักกับ “ต่อ” – สรศักดิ์ เอมบำรุง ศิษย์เก่าทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ รุ่นที่ 5 ที่ได้ผสานบทบาทของ “ครู” และ “พ่อ” ผ่านการมีส่วนร่วมกับการศึกษาของลูกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเห็นว่า บทบาทของ “พ่อ” ไม่ได้หยุดอยู่แต่ในบ้าน แต่สามารถส่งเสริมพัฒนาการและการศึกษาของลูกได้ในหลากหลายแง่มุม

จากนักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาส ต่อมุ่งมั่นจนสอบติดสายวิทย์-คณิต และเรียนจบป. ตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความสำเร็จนี้เป็นแรงผลักดันให้ต่อตัดสินใจเข้าร่วมโครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ เพื่อส่งต่อโอกาสที่เขาเคยขาดให้กับเด็กรุ่นใหม่

หลังสิ้นสุดบทบาทครู “ต่อ” ก้าวสู่ความท้าทายใหม่ในฐานะพ่อของ “น้องนะโม” วัย 4 ขวบ และประยุกต์ประสบการณ์ในฐานะครู เพื่อพัฒนาลูกน้อย

“ทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ให้อะไรกับผมเยอะมากที่ผมนำมาใช้พัฒนานะโม ครูบอกว่าน้องนะโมนิ่งมาก มีสมาธิและตั้งใจทำกิจกรรมได้หมด ไม่เคยขาดเรียนเลย” ต่อเล่าอย่างภูมิใจ

ต่อยังมีส่วนร่วมกับโรงเรียน ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับครูผู้สอนถึงการพัฒนาเด็กเล็ก การให้ความสำคัญกับการเล่น และการพัฒนาตามช่วงวัย จนได้รับคำชื่นชมจากคุณครูในโรงเรียนว่า “คุณพ่อทำดีมากๆ ที่ให้เวลากับลูก พาลูกเล่น ทำกิจกรรมตั้งแต่ตอนเช้าจนขึ้นห้อง น้องมีความสุขมากและมักจะกลับเป็นคนสุดท้ายของโรงเรียนเสมอ”

แถมต่อยังได้รับฉายาจากนักเรียนคนอื่น ๆ ว่า “หัวหน้าแก๊ง” เพราะเป็นคุณพ่อที่มาเล่นและทำกิจกรรมกับพวกเขาอย่างสม่ำเสมออีกด้วย

บทบาทของต่อในฐานะครูและพ่อ ทำให้ต่อมีความเข้าใจในระบบการศึกษาอย่างลึกซึ้งและมองเห็นช่องว่างในการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทย ไม่ว่าจะเป็นโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่เด็กแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ไปจนถึงบทเรียนและวิธีการสอนที่ต้องพัฒนาขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง และภาระหน้าที่ของครูที่ในหลายกรณีไม่สามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง ด้วยปัจจัยหลายประการ

ซึ่งสำหรับต่อแล้ว “เวลา” คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ทั้งครูและผู้ปกครองสามารถให้กับเด็กและเยาวชนได้ เพื่อพัฒนาการของพวกเขา

“เด็ก ๆ ใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนมากกว่าที่บ้าน และเรียนเป็นเวลากว่า 10 ปี อยากให้ครูได้ใช้เวลาคุณภาพกับนักเรียน” ต่ออธิบาย “เพราะเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะสำหรับลูกหรือนักเรียน ถ้าให้อย่างเต็มที่ก็เชื่อว่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพ และสามารถพัฒนาเด็ก ๆ ให้โตมาอย่างมีคุณภาพได้”

ต่อ ทิ้งท้ายด้วยการมองย้อนกลับไปถึงการเดินทางของตนในฐานะ “พ่อ” ที่เป็นมากกว่าการพัฒนาเด็กไทยหรือน้องนะโม แต่เป็นเป็นเส้นทางการเติบโตที่ต่อภาคภูมิใจในทุกก้าวการเรียนรู้ที่ทำให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้น

“การได้ใช้เวลากับลูก ไม่เพียงแต่ลูกมีพัฒนาการที่ดี แต่ทำให้ต่อเป็นคนที่ดีขึ้นและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย เหมือนลูกเป็นครูของต่ออีกที สอนให้ต่อใช้ชีวิตที่ถูกต้อง ควรจะเป็น และเป็นคนที่ดีขึ้นได้อย่างไร” และทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ เชื่อว่า มีคุณพ่ออีกหลายคนที่ทุ่มเทเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกเช่นกัน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเด็กและการศึกษาไทย ผ่านการสนับสนุนหรือเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจของทีช ฟอร์ ไทยแลนด์

เพื่อสักวันหนึ่งเด็กไทยทุกคนจะได้รับโอกาสเข้าถึงการศึกษาคุณภาพอย่างเสมอภาค และสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้

สมัครโครงการ