นอกเหนือจากบทบาทของโรงเรียนในระบบการศึกษาแล้ว ภาคธุรกิจและเอกชนก็เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมจัดการเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยความเข้าใจตลาดแรงงานและความต้องการด้านทักษะที่จำเป็นในโลกการทำงานอย่างลึกซึ้ง
หนึ่งในนั้นคือความร่วมมือระหว่างมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ กับ 3 องค์กร: ธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America (BoA)) มูลนิธิสวารอฟสกี้ (Swarovski Foundation) และการ์เดียน กลาส (Guardian Glass) ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะแห่งอนาคตให้แก่เด็กและเยาวชนไทย
กิจกรรม Masterclass โดย Bank of America เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยให้ได้เรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ประวัติศาสตร์อเมริกา การจัดการการเงินส่วนบุคคล และแนวทางการเลือกสายอาชีพ กับพนักงานอาสาสมัครจากแผนกต่างๆ ของธนาคาร ผ่านการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ตรง ช่วยให้นักเรียนเข้าใจทั้งเนื้อหาวิชาการ และทักษะที่สำคัญต่ออนาคตของพวกเขา
มูลนิธิสวารอฟสกี้ (Swarovski Foundation) ได้จัดกิจกรรม Career Booth Fair ที่โรงเรียนหนองใหญ่ศิริวรวาทวิทยา จังหวัดชลบุรี สนับสนุนการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยให้นักเรียนเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สัมผัสกระบวนการผลิตพร้อมกับเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพต่างๆ ที่มีในองค์กร ซึ่งจุดประกายความฝันและเส้นทางอาชีพให้แก่นักเรียน
สุดท้าย การ์เดียน กลาส (Guardian Glass) ได้จัดกิจกรรมการออกแบบบ้านในฝันให้นักเรียนได้ฝึกคิดวิเคราะห์และตัดสินใจเลือกใช้กระจกที่เหมาะสมกับการสร้างและตกแต่งบ้าน ทั้งในด้านความสวยงาม รวมไปถึงผลกระทบต่อความเป็นอยู่ ความปลอดภัย และการใช้กระจกชนิดพิเศษเพื่อปกป้องรังสี UV ซึ่งนอกจากนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แล้ว ยังได้เข้าใจถึงความสำคัญของการออกแบบที่ยั่งยืนอีกด้วย
“การให้เด็กๆ ได้เห็นภาพจริงของอุตสาหกรรมและผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้คน จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้พวกเขานำความรู้ไปต่อยอดในอนาคตได้” ณัฐณิชา อาหูยา ผู้จัดการด้านการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ บริษัท การ์เดียน กลาส เอเชียแปซิฟิก จำกัด
คุณนวฤกษ์ แก้วภักดี (ผู้อำนวยการธนาคารแห่งอเมริกา สาขาประเทศไทย) และผู้สนับสนุนส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องกันว่า นอกจากการส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน และเสริมสร้างทักษะที่จำเป็น เช่น การคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกัน และความคิดสร้างสรรค์แล้ว ความร่วมมือกับภาคเอกชน ดังเช่นทั้ง 3 กิจกรรมข้างต้น ยังเปิดมุมมองใหม่ของการเรียนให้นักเรียนผู้เข้าร่วม และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนกล้าฝันและลงมือทำด้วย
“การสนับสนุนจากภาคเอกชนสามารถสร้างเด็กที่มีคุณภาพและพัฒนาประเทศต่อไปได้ การสละเวลาร่วมกิจกรรมเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้” กัญญา ทองคงหาญ ผู้อำนวยการธนาคารแห่งอเมริกา สาขาประเทศไทย เสริม
“การสนับสนุนจากภาคเอกชนไม่เพียงแค่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเท่านั้น แต่ยังสร้างความเท่าเทียมให้เด็กๆ มีโอกาสเติบโตและพัฒนาศักยภาพในการเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคตอีกด้วย” วาสนา ฤดีไพสิฐ (ผู้ช่วยกรรมการบริหาร บริษัท สวารอฟสกี้ (ประเทศไทย) จำกัด) ทิ้งท้าย
ด้วยพลังแห่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การสร้างโอกาสทางการศึกษาที่เสมอภาคไม่ใช่หน้าที่ของโรงเรียนรัฐเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนที่ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน องค์กรมหาชน หรือภาคประชาสังคม มีบทบาทร่วมกันได้ เพราะผลลัพธ์ที่จะตามมาคือเยาวชนไทยเติบโตขึ้นพร้อมด้วยทักษะที่จำเป็นและศักยภาพที่จะขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง
เพราะการสนับสนุนจากภาคเอกชนและพันธมิตร คือส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอนาคตของเยาวชนไทยอย่างยั่งยืน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างผู้นำที่พร้อมเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทย ผ่านการสนับสนุนหรือเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจของทีช ฟอร์ ไทยแลนด์
เพื่อสักวันหนึ่ง เด็กไทยทุกคนจะสามารถเข้าถึงการศึกษาอย่างเสมอภาค และกำหนดอนาคตของตัวเองได้ในที่สุด